“เกษตรไทย หัวใจแกร่ง” มากว่า 15 ปี ที่เดินตามวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้หล่อเลี้ยงชีวิต จิตใจ ความเป็นอยู่และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สมาชิกกลุ่มและ ประชาชนในพื้นที่วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ด้วยการปลูกต้นกาแฟท่ามกลางพื้นที่แหล่งโอโซนบริสุทธิ์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย สะท้อนเส้นทางที่พร้อมเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ต่อบทบาทการสนับสนุนให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายปกรณ์แบ่งที่ดิน 5 ไร่ ทำสวนเกษตรอินทรีย์ ปลูกผักปลูกข้าว ช่วงแรกๆ นายปกรณ์ยังขนผักในสวนที่เหลือกินใส่รถไปขายตามร้านอาหารแถวสุขุมวิทที่เน้นผักปลอดสารพิษ แต่ความที่เป็นคนมองหาโอกาสในชีวิตอยู่เสมอ เมื่อเห็นเกษตรกรแถวนั้นปลูกกาแฟ จึงรู้สึกสนใจ และได้ขึ้นเหนือไปกินไปนอนกับชาวอาข่าบนดอยช้างเพื่อศึกษาการปลูกและแปรรูปเมล็ดกาแฟ แล้วกลับมาดัดแปลงโรงวัวเก่าๆ ในพื้นที่ที่เช่าอยู่ เปิดเป็นร้านกาแฟแฮนด์เมด ตั้งกระทะคั่วกาแฟบนเตาถ่าน ต้มเสิร์ฟด้วยหม้อ Moka Pot และเริ่มทำการตลาดด้วยการเปิดเพจในเฟซบุ๊กเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตแบบ Farmer ใน Style ของตนเอง เพื่อผู้ดึงคนให้แวะมาที่ร้านกาแฟโรงวัวของเขา และถ่ายรูปเพื่อแชร์ต่อๆ กันไป จากร้านกาแฟ ได้ขยายเปิดร้านอาหาร โฮมสเตย์ และมีโรงคั่วกาแฟที่คั่วกาแฟขายส่งทั่วประเทศและขายปลีกหน้าร้าน แต่ที่พลิก โอกาสและสร้างกำไรให้จนปลดหนี้สินได้ คือ การต่อยอดธุรกิจไปผลิตเครื่องสำอางจากเมล็ดกาแฟ ช่วยเพิ่มมูลค่า ส่งเสริมการขยายตลาดให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ก่อประโยชน์ให้ชุมชนโดยรอบพื้นที่ของอำเภอวังน้ำเขียว

เกษตรยั่งยืน x SME เกษตร = ความสุขที่มั่นคง
จากต้นกล้าสู่เมล็ดกาแฟในมือเรา…
นี่คือวิถีชีวิตของเกษตรกรผู้มีหัวใจอนุรักษ์และเปลี่ยนความตั้งใจให้กลายเป็นแบรนด์ที่มั่นคง

Sme เกษตร = การทำเกษตรอย่างยั่งยืน
ปลูก ดูแล เก็บเกี่ยวแบบธรรมชาติ เคารพดิน น้ำ และผู้บริโภค

เกษตร Sme = สินค้าเกษตรคุณภาพ
ใส่ใจทุกเมล็ดกาแฟ ตั้งแต่การคัดแยก ตากแห้ง คั่ว จนถึงถ้วยกาแฟ

รวมพลังสองแนวคิดสู่การสร้างแบรนด์ “โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว” ที่มีจุดยืนชัดเจน
“ปลูกด้วยหัวใจ แปรรูปด้วยภูมิปัญญา ทะนุถนอมธรรมชาติ เพื่อส่งต่อความสุข”

จ.นครราชสีมา | วังน้ำเขียว
พื้นที่ที่กาแฟเติบโตไปพร้อมกับชีวิตของคนปลูก

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “SME เกษตร” ที่มีหัวใจสีเขียว
เพื่อสร้างอนาคตของเกษตรกรไทยให้ยั่งยืนไปด้วยกัน

#เกษตรยั่งยืน #SMEเกษตร #กาแฟวังน้ำเขียว #จากต้นกล้าสู่แก้วกาแฟ #CoffeeFromFarmToCup
เรื่องราว>>จากต้นกล้า

สู่แบรนด์ Coffee Factory
จากผืนดินสูงอันอุดมไปด้วยไอหมอกแห่ง อำเภอวังน้ำเขียว เราเริ่มต้นด้วยความฝันเล็ก ๆ ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ที่ใช้ใจบ่มเพาะทุกต้นกล้าอย่างใส่ใจ ทะนุถนอม ดูแลอย่างยั่งยืน
“โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว” จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อคั่วกาแฟด้วยหัวใจ และส่งมอบกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์จากภูเขาสู่เมือง
จากเส้นทางต้นน้ำที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าของธรรมชาติ
เราต่อยอดสู่แบรนด์ “Coffee Factory”
ร้านกาแฟที่ไม่ใช่แค่สถานที่ดื่มกาแฟ แต่คือประสบการณ์…
คือจุดเชื่อมต่อระหว่างวิถีเกษตรอินทรีย์ กับไลฟ์สไตล์คนเมือง
คือพื้นที่แห่งการพบปะ ความสุข และแรงบันดาลใจ
เราพร้อมขยายแนวคิดนี้สู่เครือข่ายแฟรนไชส์
เปิดโอกาสให้คุณได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการ “ขับเคลื่อนความสุข

ไปถึงมือทุกคน”
จากต้นกล้า >> สู่แก้วกาแฟในมือคุณ
จากไร่ภูเขา >> สู่แบรนด์ที่สร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน

从一颗咖啡苗,到您手中的那杯香浓
在泰国“旺南桥”高原云雾缭绕的土地上,
我们以初心种下每一颗咖啡苗,
用自然的节奏呵护,用有机的方式种植,
用心烘焙出一杯杯富有灵魂的咖啡。
如今,我们将这份坚持与热爱,
延续至全新品牌——Coffee Factory
不仅是一家咖啡馆,更是一个连接土地与城市的空间,
一杯咖啡,讲述着农人、自然与时间的故事。
Coffee Factory 正在开放特许加盟,
邀请您携手投资,共同打造一个温暖、真实、有温度的咖啡品牌,
让每一位顾客都能在城市的一角,感受到来自山林的清香。
从一颗种子开始 >> 成就一杯价值非凡的咖啡
从田野走来 >> 打造可持续发展的咖啡事业


“กาแฟคั่ว 1 ห่อ ผู้ผลิตได้กำไร 30-40% แต่พอผมคิดต่าง นำมาทำเครื่องสำอาง กำไรโดดขึ้นไปถึง 300% เป็นมูลค่าเพิ่มที่พลิกชีวิตเรา จากกาแฟ 20 ตันที่ เคยใช้ไม่หมด ผมต้องการเพิ่มเป็น 40 ตัน 60 ตัน และ 100 ตันครับ ซึ่งกาแฟที่ปลูกจากวังน้ำเขียวให้ผลผลิตได้ ไม่ถึง 100 ตันต่อปี ผมเลยขึ้นไปหาวัตถุดิบเพิ่มจากกลุ่ม เกษตรกรจังหวัดน่านและจากหมู่บ้านดอยช้าง เพราะที่นั่นเคยให้วิชาความรู้เรื่องกาแฟกับผม วันนี้ผมก็ได้กลับไปช่วยชุมชนเขา” นายปกรณ์กล่าว
นายปกรณ์ ทำงานคู่กับชุมชนมากกว่า 100 ครอบครัว เป็นการทำงานคู่ไปกับการให้และการแบ่งปัน นับเป็นความสุขและเป็นกำไรชีวิต นายปกรณ์มีโอกาสแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ความร่วมมือ แนวทางกับผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ที่จะนำไปสู่การแสวงหาความร่วมมือร่วมกันในอนาคตอันใกล้ ที่จะสามารถชูธงนำสมาชิกและเครือข่ายโรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียวสู่โมเดลทางธุรกิจที่สร้างสรรค์ ในรูปแบบกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ใช้ BCG Model เป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อให้มีความยืดหยุ่นแต่มั่นคง สร้างการมีส่วนร่วมและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การยกระดับคุณค่าเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟที่มีเอกลักษณ์จากแหล่งผลิต ที่เฉพาะเจาะจงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทย หรือ GI ในรูปแบบที่หลากหลาย ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ครอบคลุมหลายช่วงวัย และจะสามารถกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ ชุมชนเข้มแข็ง มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน